WHO เชิญไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศ แชร์ประสบการณ์ต้านโควิด 19

          รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยองค์การอนามัยโลก ยกไทย เป็น 1 ใน 4 ประเทศที่มีประสบการณ์ในการทบทวนระหว่างปฏิบัติงานด้านโรคโควิด 19 และร่วมแถลงข่าวนำเสนอเป็นตัวอย่างผ่านระบบประชุมทางไกล

          วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2563) ที่ห้องประชุมองค์การอนามัยโลก กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นายแพทย์ริชาร์ด บราวน์ ผู้จัดการโครงการด้านภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉินและการดื้อยาต้านจุลชีพ องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดี
กรมควบคุมโรค และนายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี นายแพทย์ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข แถลงข่าวผ่านระบบประชุมทางไกล ว่าด้วยการทบทวนระหว่างการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โรคโควิด 19 

          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานป้องกัน ควบคุมโรคในสถานการณ์โควิด 19 และองค์การอนามัยโลกได้คัดเลือกให้นำประสบการณ์มาแถลงข่าว ร่วมกับอีก 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ และอุซเบกิสถาน เนื่องจากประเทศไทยได้รับความชื่นชมจากนานาชาติว่า สามารถดำเนินการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ได้เป็นอย่างดี จากการนำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด อาทิ การค้นหาผู้ป่วยอย่าง ครอบคลุมการติดตามผู้สัมผัสและกักกันโรคอย่างเข้มข้น ที่สำคัญคือได้รับความร่วมมืออย่างดีจากภาคประชาสังคมในการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พบผู้ติดเชื้อในประเทศน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าอยู่ในสถานที่กักกันและเข้าสู่ระบบการรักษา

          นายอนุทินกล่าวต่อว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการทบทวนระหว่างปฏิบัติงาน (IAR) เพื่อถอดบทเรียนจากการตอบสนองต่อสถานการณ์โรคโควิด 19 โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา และนักวิชาการ เป็นผู้ประเมินตามเครื่องมือที่องค์การอนามัยโลกออกแบบ ระหว่างวันที่ 20-24 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 โดยรวบรวมข้อมูลจากบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทั้งผู้ที่อยู่หน้างานและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ พบว่า ปัจจัยที่เอื้อให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 คือการตัดสินใจเด็ดขาดของผู้นำบนพื้นฐานทางวิชาการการมีระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่ง และความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมในการยับยั้งวงจรของการแพร่ระบาดในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รัฐบาลควบคุมการระบาดของโรคโควิด 19 ได้

          ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีความท้าทายในการพัฒนาฐานข้อมูลเกี่ยวกับโรคโควิด 19 ให้มีความทันสมัยใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต และสร้างความมั่นคงทางสุขภาพ รวมถึงขยายระบบการเฝ้าระวัง ค้นหาผู้ป่วยของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินอีกด้วย ... ที่มา สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข